บทความ

เคล็ดลับจัดห้องนอนให้หลับสบาย หัวถึงหมอนแล้วง่วงเลย!

5 วิธีจัดห้องนอนให้หลับสบาย
ไม่ว่าจะเกิดขึ้นจากสาเหตุใด การนอนไม่หลับก็ยังคงเป็นปัญหาที่แก้ไม่ได้ เหมือนหนังตาที่ไม่ยอมตกเมื่อถึงเวลาที่ควรนอน ซึ่งหากปล่อยไว้โดยไม่รีบแก้ไข การนอนไม่หลับในบางคืนอาจลุกลามกลายเป็นปัญหานอนไม่หลับถาวร จนก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาได้ สำหรับใครที่ยังคิดไม่ตกว่าจะหยุดปัญหาการนอนไม่หลับนี้ได้อย่างไร ลองมาเปลี่ยนบรรยากาศดูสักนิดด้วย 5 เคล็ดลับจัดห้องนอนให้หลับสบายที่นำมาฝากในวันนี้ มั่นใจ! หลับง่ายขึ้นอย่างแน่นอน

1. เลือกที่นอนให้เหมาะ

เริ่มต้นเคล็ดลับการจัดห้องนอนให้หลับสบายด้วยการเลือกที่นอนให้ตอบโจทย์ความต้องการของร่างกายก่อน โดยการเลือกที่นอนที่เหมาะสมกับสรีระและน้ำหนักตัวของเรา ไม่เพียงแต่จะลดการเจ็บปวดและอาการชาที่ทำให้ตื่นกลางดึกเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ทุกคนสามารถขยับตัวได้อย่างสบาย ไม่มีปัญหาเสียงเตียงลั่นมากวนใจ ทั้งยังช่วยลดปัญหาอาการอย่างออฟฟิศซินโดรม ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของความเครียดทางร่างกายที่อาจทำให้ใครหลายคนนอนไม่หลับอีกด้วย

โดย Certified Sleep Science Coach จากเว็บไซต์ Sleep Foundation ของสหรัฐอเมริกาได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเลือกที่นอนให้เหมาะสมกับร่างกายเอาไว้ว่า หากยิ่งร่างกายมีน้ำหนักมากเท่าไหร่ ที่นอนก็ควรจะยิ่งมีความแน่นมากยิ่งขึ้น 

สำหรับใครที่มีน้ำหนักตัวน้อยกว่า 58 กิโลกรัม หรือ 130 ปอนด์ แนะนำให้เลือกที่นอนที่อยู่ในระดับ Soft – Medium หากใครมีน้ำหนักตัวระหว่าง 58 – 104 กิโลกรัม หรือ 130 – 230 ปอนด์ การเลือกที่นอนระดับความแน่นที่ Medium Soft – Medium Firm จะช่วยรับน้ำหนักและเพิ่มประสิทธิภาพการนอนหลับยิ่งขึ้น แต่สำหรับใครที่มีน้ำหนักมากกว่า 104 กิโลกรัม หรือมากกว่า 230 ปอนด์ การเลือกที่นอนที่มีความแน่นตั้งแต่ Medium Firm – Extra Firm จะช่วยทำให้นอนหลับได้สบายมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ดี การเลือกที่นอนที่หลับได้สบายยังต้องดูถึงแนวกระดูกสันหลัง ระดับความสูงของหมอน ความสามารถในการระบายอากาศ รวมไปถึงความชอบของแต่ละบุคคล ดังนั้น หากอยากเลือกที่นอนให้หลับสบายตอนทั้งคืน เมื่อคำนวณค่า BMI แล้วอย่าลืมไปลองนอนอีกรอบเพื่อตามหาที่นอนที่ใช่ด้วย

2. เลือกใช้ผ้าม่านให้มีประสิทธิภาพ

นอกจากการเลือกที่นอนแล้ว การเลือกผ้าม่านก็เป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับจัดห้องนอนให้หลับสบายที่คนนอนไม่หลับไม่ควรพลาด เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยกรองแสงในแต่ละช่วงเวลา พร้อมมอบความเป็นส่วนตัวให้ห้องนอนเท่านั้น การเลือกม่านที่มีประสิทธิภาพยังช่วยลดเสียงรบกวนที่เข้ามาในห้อง ทำให้สามารถนอนหลับได้สบายมากขึ้นอีกด้วย

การเลือกผ้าม่านสำหรับห้องนอน ขอแนะนำให้เลือกใช้ผ้าม่านแบบ Blackout แทนที่จะใช้แบบ Dimout หรือผ้าม่านที่เป็นผ้าฝ้ายธรรมดา เนื่องจากผ้าม่าน Blackout จะสามารถกันแสงได้ 100% ทำให้กระตุ้นการสร้างสารเมลาโทนินและลดแสงรบกวนได้ นอกจากนี้ ผ้าม่านประเภทนี้ยังช่วยดูดซับเสียงสะท้อนจากภายนอกได้ แถมยังช่วยป้องกันรังสียูวีที่เป็นอันตรายต่อผิวและเฟอร์นิเจอร์ในบ้านได้อีกด้วย

3. ปรับห้องให้มีสีโทนเย็นมากขึ้น

ในปัจจุบันนี้ ใครหลายคนมักชื่นชอบบ้านที่ใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ ไปจนถึงการปรับโทนสีห้องให้ดูอบอุ่นเหมือนบ้านสไตล์ญี่ปุ่นและเกาหลีมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดี แม้จะดูอบอุ่นและสบายตา แต่สำหรับใครหลายคนแล้ว การเลือกใช้สีโทนอุ่นภายในห้องนอนอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้นอนหลับไม่เต็มอิ่ม เนื่องจากสีโทนดังกล่าวจะเป็นตัวกระตุ้นอารมณ์และความตื่นเต้นได้

โดยจากการศึกษาการนอนหลับของชาวอังกฤษกว่า 2,000 ครัวเรือนในปี 2013 โดย Travelodge พบว่า ครอบครัวที่นอนหลับในห้องนอนที่มีสีฟ้า เหลืองบางเฉด และเขียวนั้นจะสามารถนอนหลับได้ยาวนานมากกว่าห้องนอนสีอื่น เนื่องจากสีโทนดังกล่าวสามารถสร้างบรรยากาศที่สงบและช่วยผ่อนคลายเส้นประสาทได้ 

นอกจากนี้ การศึกษาดังกล่าวยังพบว่า ครอบครัวที่นอนหลับในห้องนอนสีม่วง สีน้ำตาล รวมถึงสีเทาจะมีคุณภาพการนอนหลับที่น้อยที่สุด เนื่องจากสีในกลุ่มนี้จะทำให้รู้สึกหดหู่ อึดอัด ทั้งยังทำให้รู้สึกเครียดก่อนที่จะเข้านอนอีกด้วย

จากผลการศึกษานี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับจาก Edinburgh Sleep Center อย่าง Chris Idzikowski ยังให้ความเห็นสนับสนุนว่า ห้องนอนสีฟ้านั้นจะช่วยทำให้นอนหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เนื่องจากในเรตินาของดวงตาจะมีเซลล์ปมประสาทที่มีส่วนช่วยควบคุมการนอนหลับที่มีความไวต่อสีฟ้า และเมื่อเซลล์ดังกล่าวรับสีฟ้าเข้ามาก็จะส่งข้อมูลไปยังสมองส่วนลึกที่มีส่วนสำคัญในการควบคุมการนอนหลับ ส่งผลให้นอนหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น  

สำหรับใครที่ไม่อยากทาสีห้องใหม่ แต่ต้องการจัดห้องนอนให้หลับสบาย ขอแนะนำให้เริ่มต้นจากการเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่อย่างโซฟาและม่านให้เป็นสีโทนเย็น หรืออาจเสริมเติมแต่งเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเล็กเข้าไปทีละหน่อยก็ช่วยได้เช่นกัน

เคล็ดลับการจัดห้องนอนให้หลับสบาย

4. ลองคุมความชื้นและอุณหภูมิในห้องนอนดู

แม้ความเครียดและโรคต่าง ๆ อาจเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้ใครหลายคนนอนไม่หลับ แต่รู้หรือไม่?  “ความชื้น” และ “อุณหภูมิ” ในห้องนอนก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่อาจทำให้นอนไม่หลับเช่นเดียวกัน

โดยความชื้นในห้องที่น้อยเกินไปอาจทำให้ผิวแห้ง รู้สึกระคายคอและจมูก เกิดอาการภูมิแพ้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ อากาศในห้องที่แห้งมากเกินไปยังทำให้เกิดไฟฟ้าสถิต ซึ่งอาจทำให้ตื่นกลางดึกได้ แต่หากความชื้นในห้องมากเกินไปก็อาจทำให้เกิดการสะสมของเชื้อโรค เชื้อรา และเชื้อแบคทีเรียได้ โดยทั่วไปแล้ว ความชื้นที่เหมาะสมสำหรับห้องนอนควรจะอยู่ที่ 60% 

นอกจากความชื้นที่เหมาะสมแล้ว ทุกคนยังควรจัดห้องนอนให้หลับสบายด้วยการควบคุมอุณหภูมิห้องให้อยู่ราว ๆ 15 – 23 องศาเซลเซียส เนื่องจากเมื่อนอนหลับแล้ว อุณหภูมิของร่างกายจะลดต่ำลง เพื่อหลั่งเมลาโทนินออกมา โดยการนอนหลับในห้องที่เย็นสามารถช่วยกระตุ้นการหลั่งเมลาโทนิน ทำให้นอนหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

5. ใช้น้ำมันหอมระเหยช่วย

ไม่เพียงแต่จะช่วยบรรเทาโรคต่าง ๆ ได้ตามธรรมชาติแล้ว การใช้น้ำมันหอมระเหยก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยทำให้ผ่อนคลาย เพิ่มสมาธิ ทั้งยังช่วยบรรเทาความเครียด ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการนอนไม่หลับได้

นอกจากจะใช้น้ำมันหอมระเหยแท้แต้มตามจุดต่าง ๆ ในร่างกายแล้ว ทุกคนยังสามารถหยดน้ำมันหอมระเหยบนตัวกระจายกลิ่นที่ชอบได้ ไม่ว่าจะเป็น Diffuser หินอโรม่า หรือจะใช้เตาอโรม่าก็ได้เช่นกัน

นอกจากนี้ ทุกคนสามารถเลือกใช้สเปรย์น้ำมันหอมระเหยช่วยการนอนหลับที่มีส่วนผสมจากพืชพรรณธรรมชาติอย่างลาเวนเดอร์ (Lavender) และคาโมมายล์ (Chamomile) เพียงฉีดสเปรย์น้ำมันหอมระเหยเพื่อนอนหลับลงบนหมอนก่อนนอนก็สามารถช่วยทำให้ผ่อนคลายก่อนนอนหลับได้ง่าย ๆ แล้ว

เพียงเท่านี้ทุกคนก็สามารถจัดห้องนอนให้หลับสบายได้แล้ว หากใครมีปัญหานอนไม่หลับอยู่ อย่าลืมนำ 5 เคล็ดลับที่นำมาฝากนี้ไปปรับตามความเหมาะสมดู สำหรับใครที่ลองปรับใช้แล้ว แต่ยังต้องการไอเทมช่วยบรรเทาความเครียดตาม สบายอารมณ์มาพร้อมกับสเปรย์น้ำมันหอมระเหยแท้เพื่อช่วยการนอนหลับอย่างมีประสิทธิภาพจากน้ำมันหอมระเหยลาเวนเดอร์ คาโมมายล์ กระดังงา ยูคาลิปตัส มะกรูด และส้มเพื่อการนอนหลับที่สบายกว่าที่เคย สอบถามรายละเอียดและการใช้งานได้ที่เบอร์ 097-264-2401